วันศุกร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

สรุปบทที่ 9 E-Government

หน้าที่หลักของหน่วยงานภาครัฐคือการให้บริการประชาชน ทุกหน่วยงานในของรัฐบาลมีหน้าที่หลักที่จะต้องทำให้ประชาชนอยู่ดี กินดี ภาระกิจเหล่านี้จึงเกี่ยวโยงกับประชาชนโดยตรง
ในอดีตที่ผ่านมาหน่วยงานภาครัฐยังดำเนินการเกี่ยวกับข้อมูลข่าวสารในลักษณะต่างคนต่างทำ เช่นเมื่อมีคนป่วยเข้ามารักษาพยาบาลที่โรงพยาบาล ทางโรงพยาบาลก็ต้องบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับคนป่วย เมื่อแจ้งเกิดที่หน่วยทะเบียนราษฎร ก็จะได้ใบเกิดและมีการขึ้นทะเบียนไว้ในทะเบียนบ้าน ครั้นเมื่อเด็กเติบโตเข้าโรงเรียนก็มีการขึ้นทะเบียนเข้าเป็นนักเรียน มีการบันทึกข้อมูลการศึกษา ครั้นอายุถึงการขึ้นทะเบียนทหาร ก็แจ้งที่หน่วยทะเบียนเพื่อขึ้นทะเบียนทหาร เมื่อทำงานในหน่วยงานใดก็ขึ้นทะเบียนเป็นพนักงานองค์กรนั้น มีการเสียภาษีก็มีทะเบียนการเสียภาษี เมื่อขอใบอนุญาตขับขี่จากกรมการขนส่งทางบก ก็ต้องขึ้นทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบก
 การเสียภาษีผ่านอินเทอร์เน็ต

สภาพการทำงานที่ต่างคนต่างทำย่อมสิ้นเปลืองทั้งงบประมาณ เปลืองแรงงาน กำลังคน เปลืองเวลามหาศาล ซึ่งแน่นอนยิ่งคือการบริการประชาชนก็คงไม่ดี เพราะต้องยุ่งยากหรือเสียเวลา
เมื่อเทคโนโลยีไอทีได้ก้าวหน้าจนทำให้ระบบคอมพิวเตอร์ประมวลผลข้อมูลได้มากและเร็ว สามารถเชื่อมโยงเป็นเครือข่าย การดำเนินการต่าง ๆ ในภาครัฐจึงเป็นไปได้ที่จะใช้วิธีการ แลกเปลี่ยนข้อมูล หรือใช้ข้อมูลร่วมกัน ซึ่งหากพิจารณาให้ดีเช่น หน่วยงานทะเบียนราษฎรมีหน้าที่ในการดูแลและรับผิดชอบเรื่องทะเบียนประชากร ดังนั้นเมื่อเด็กมาสมัครเข้าเรียน ก็คงไม่จำเป็นที่จะต้องคัดสำเนาทะเบียนบ้านมายื่นที่โรงเรียน โรงเรียนน่าจะเชื่อมต่อออนไลน์เพื่อตรวจสอบข้อมูลได้ทันที
ปัจจุบันหน่วยงานของรัฐเกือบทุกแห่งมีฐานข้อมูลดำเนินการของตนเอง มีการวาง เครือข่ายภายใน มีการเชื่อมโยงกับอินเทอร์เน็ต หรือเชื่อมเครือข่ายระหว่างหน่วยงานบ้างแล้ว ดังนั้นการดำเนินร่วมกัน แลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันจึงมีแนวทางที่น่าจะเป็นไปได้ บริการของรัฐจึงมีแนวโน้มที่จะต้องให้ความสะดวกสบายมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เช่น เมื่อมีผู้สมัครงานที่บริษัท บริษัทต้องการตรวจสอบหลักฐานการจบการศึกษาของบุคคลผู้สมัคร ก็สามารถเชื่อมโยงเข้ามาเรียกค้นข้อมูล ผู้สำเร็จการศึกษารายนั้น ๆ ได้ สถาบันการศึกษาก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเก็บเอกสารหลักฐานบางอย่างที่หน่วยงานของรัฐบางแห่งดูแลอยู่แล้ว เช่น สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาใบทหารกองเกิน เอกสารบางอย่างที่เกี่ยวกับวันเกิด เป็นต้น เพราะการตรวจสอบกับหน่วยงานต้นที่เก็บ ข้อมูลกระทำได้โดยตรง
โมเดลของ e-Government จึงต้องการโครงสร้างพื้นฐานทางเครือข่ายที่เชื่อมโยงระหว่างหน่วยงาน โดยให้แต่ละหน่วยงานของรัฐที่ดูแลฐานข้อมูลหลักรับผิดชอบและบริหารเฉพาะข้อมูลของตน มีหน่วยงานกลางที่ทำหน้าที่ขึ้นทะเบียนที่อยู่ข้อมูล และรับรู้ข้อตกลงสิทธิการใช้ข้อมูลของหน่วยงานต่าง ๆ มีระบบการตรวจสอบและรักษาความปลอดภัยของข้อมูล การเรียกค้นข้อมูลจะต้องผ่านหน่วยกลางเพื่อตรวจสอบสิทธิต่าง ๆ

รูปแบบโมเดลการใช้ข้อมูลร่วมกันแบบหนึ่ง

การดำเนินการทางด้าน e-Government เป็นเรื่องที่มีความสำคัญและต้องเกี่ยวโยงกับข้อมูลในหน่วยงานต่าง ๆ ซึ่งทุกหน่วยงานจะต้องปรับปรุงคุณภาพของข้อมูล และรูปแบบการให้บริการ เพื่อให้ภาพรวมเป็นการบริการแบบเบ็ดเสร็จได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น